Class A Solution

View Original

The Shaker ความเชื่อทางศาสนา สู่ปรัชญาการออกแบบ

The Shaker Part 2

ความเชื่อทางศาสนา สู่ปรัชญาการออกแบบ

จาก Content ในสัปดาห์ที่แล้ว เกี่ยวกับต้นกำเนิดของ หมู่บ้าน Shaker และแนวทางความเชื่อต่างๆที่หล่อหลอมให้เกิดตำนานของ นักประดิษฐ์ ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง ช่าง furniture และอื่นๆอีกมาก ในยุคที่ยังไม่รู้จักว่า Designer คืออะไรมีหน้าที่อะไร แต่กลับสร้างสรรค์ผลงานมากมาย ที่มาก่อนกาล แบบที่ นักออกแบบรุ่นหลังยังต้องหันหลังกลับไปเรียนรู้

สำหรับเรื่องราวใน part 1 สามารถกลับไปดูที่ link นี้ได้

https://www.facebook.com/classasolution/posts/126749329697127

ใน Part 2 นี้เราจะเล่าให้ฟังว่า หลักจากโลกได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว การปฏิวัติอุตสาหกรรม ได้เข้ามา ความจำเป็นในการพึ่งพากันและกันของมนุษย์ เหมือนใช้ชีวิตใน หมู่บ้าน walking death ที่ต้องแบ่งหน้าที่กันทำงาน เพื่อให้อยู่รอดก็ลดลง คนสามารถหาของกินได้จากร้านค้าทุกที่ทุกเวลา และเป็นสาเหตุหลักๆให้การใช้ชีวิตแบบหมู่บ้าน Shaker หายไปตามยุคตามสมัย แต่ผลงาน ปรัชญา ยังคงถูกส่งต่อและเล่าสู่กันฟังในวงการออกแบบเกือบทุกสาขา

Shaker กับแนวคิดแบบ Functionalism

งานของ Shaker มักจะแสดงถึงความงามของวัสดุเพื่อเป็นการเคารพในพระเจ้าที่เค้าเชื่อว่าได้ซ่อนอยู่ในวัสดุธรรมชาติที่เค้านำมาสร้างสิ่งของ ไม้ควรเป็นไม้ เหล็กควรเป็นเหล็ก ด้วยเทคนิคที่พัฒนาเพื่อให้เหมาะกับการขึ้นรูปและรูปทรงที่ตอบสนองการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ มันได้สร้างเอกลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ รูปทรง Details การเก็บงานที่เกิดขึ้นได้สร้างเอกลักษณ์ทางดีไซน์ แบบไม่ต้องยัดเยียดให้ gimmicky

Shaker box เป็น 1 ในผลิตภัณฑ์ iconic ชิ้นนึงของ Shaker รูปลักษณ์คือกล่องทรงกระบอกธรรมดาแต่แสดงความละเอียดอ่อนผ่าน details ของงาน การดัดโค้งไม้แผ่นตรงๆให้เป็นทรงกระบอกเป็นเรื่องปกติมากในยุคนั้น แต่จุดเด่นของ Shaker box คือการออกแบบจุดเชื่อมไม้ ให้เป็นเหมือนนิ้วซี่ๆเพื่อลดความตึงของไม้ที่ถูกดัดทำให้วัสดุไม่ฉีกขาดง่าย และลดจำนวนตะปูที่ต้องใช้ เพื่อให้รอยเชื่อมไม่เกิด gap ที่ดูไม่เรียบร้อย หมุดหรือตะปูที่พัฒนาขึ้นมาเองในยุคนั้น ยึดให้ไม้เป็นทรงกระบอกได้แข็งแรงทนทานไม่ฉีกขาดง่าย รายละเอียดเหล่านี้แสดงถึงความเข้าใจในวัสดุที่ผ่านประสบการณ์การสร้างงานจากไม้มานับไมถ้วน และกลายเป็นเอกลัษณ์ของผลิตภัณฑ์แบบถ้าเกิดในปัจจุบันคงกลายเป็น Brand element ของบริษัทไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีการออกแบบให้เป็นชุด มีกล่องทรงกระบอก size ใหญ่ไล่ไปเล็กเหมือนตุ๊กตารัสเซีย เพื่อการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ผู้เดินทางสามารถนำกล่องใหญ่ๆที่มีกล่องเล็กๆบรรจุอยู่ เมื่อไปถึงที่หมายสามารถนำเอากล่องเล็กๆออกมาจัดวางและจัดเก็บสิ่งของต่างๆได้ตามความต้องการ

อีกผลิตภัณฑ์ของ Shaker ที่แสดงความเชื่อมโยงจาก การผลิต สู่ การใช้งาน และโยงไปถึงการสร้าง environment ให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ คือ "พลั่ว" ที่ถูกพัฒนาให้สามารถรองรับการใช้งานที่แตกต่างของคนในชุมชนได้ เช่น พลั่วที่ใช้สำหรับตักเมล็ดพืช จะสร้างให้มีหน้ากว้างที่กว้างกว่าปกติ ทำให้ตักเมล็ดพืชได้ปริมาณมากในหนึ่งครั้ง และด้วยเมล็ดพืชมีน้ำหนักเบาจึงตั้งใจทำพลั่วให้ขนาดใหญ่กว่าปกติการตักที่เน้นปริมาณจึงสำคัญกว่าน้ำหนักที่จะเกิดจากการตักในแต่ละครั้ง พลั่วสำหรับตักหิมะถูกออกแบบให้ ปลายสัมผัสพื้นเรียบทำจากโลหะให้สามารถแซะหิมะออกจากพื้นได้ง่าย และมีด้ามจับที่เอียงทำมุมให้สามารถตักหิมะโดยไม่ต้องก้มมาก แสดงถึงความเข้าใจใน ergonomic หรือสริระวิทยา ทำให้สามารถยกตักหิมะที่มีน้ำหนักมากโดยไม่ใช้แรงเยอะเกินไป และยังออกแบบทางเดินของหมู่บ้านให้มีขนาดที่พอดีกับหน้ากว้างของพลั่วตักหิมะ ไม่ให้เปลืองแรงงานมากเกินไปและวางแผนจำนวนรอบในการตักหิมะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนวคิดการออกแบบสิ่งของให้เหมาะสมกับการใช้งานและการผลิต ถูกนำมาคิดจริงจังตอนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่สำหรับ Shaker มันคือวิถีชีวิต และemphaty ที่ใส่ใจในรายละเอียดชีวิตประจำวัน ถูกนำมาเสนอผ่านผลงานและสิ่งของต่างๆ ภายใต้ความมุ่มมั่นในการสร้างประโยชน์ของคนในหมู่บ้าน

Shaker กับการออกแบบ packaging

นอกจากการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว Shaker ยังเป็นคนกลุ่มแรกที่มีการใช้แพคเกจแบบซองกระดาษในการขายและแจกจ่ายเมล็ดพันธ์พืช แนวคิดนี้เริ่มจากสมาชิกของ Shakers Josiah Holmes และ Jonathan Holmes ที่สังเกตุเห็นว่าการขายเมล็ดพันธ์พืชทั่วไปในยุคนั้นมักขายยกกระสอบทำให้การจำหน่ายและซื้อเมล็ดพันธ์ของคนทั่วไปเป็นไปด้วยอุปสรรค จึงหาทางเลือกเปลี่ยนกระสอบมาเป็นซองเมล็ดพันธุ์เพื่อแบ่งขาย เริ่มแรกทำด้วยกระดาษสีน้ำตาลธรรมดาที่มีชื่อพันธุ์เมล็ดพันธุ์ ที่มาของเมล็ด วิธีปลูก และบางครั้งก็เป็นชื่อผู้ปลูก ทำให้การซื้อเมล็ดในปริมาณที่พอเหมาะเกิดขึ้น (ไม่ต้องยกกระสอบ) คำอธิบายวิธีปลูกถือเป็นตัวเร่งความเจริญของยุค เมื่อทุกคนสามารถปลูกพืชผัก เพาะเมล็ดเองได้ อุปสรรค์เรื่องอาหารก็ลดลงทันที

ซองกระดาษชุดแรกเป็นกระดาษที่ตัดเป็นขนาดที่แตกต่างกันสำหรับเมล็ดพันธุ์ที่แตกต่างกัน ซองกระดาษขนาดเล็กทำด้วยมือ พับและติดกาว ในเวลาต่อมา Ebenezer Alden หนึ่งในสมาชิกของ Shaker ก็ได้คิดค้นอุปกรณ์การพิมพ์สำหรับพิมพ์ซองจดหมายด้วยมือ ให้ง่ายต่อการบรรจุและวางจำหน่าย
ซองกระดาษขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยเมล็ดพืชบรรจุอยู่ในกล่องไม้สีสันสดใสที่ผลิตโดย Shakers ได้วางตลาดทั่วสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่สิบเก้า กลายเป็น Brand experience ที่ทุกคนมองหา และศรัทธาในคุณภาพ

ร้านค้าทั่วไปทั่วสหรัฐอเมริกาจัดวางกล่องไม้พร้อมกับซองเมล็ดพันธุ์ต่างๆ กล่องทั่วไปจะบรรจุ 200 ซองซึ่งขายได้ครั้งละห้าหรือหกเซ็นต์ โดยทั่วไปแล้ว พ่อค้าเร่ของ Shaker จะฝากกล่องไม้ที่มี "กระดาษ" ห่อเมล็ดพันธุ์ไว้ที่ร้านค้าทั่วไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ด้วยการสั่งซื้อทางไปรษณีย์ในช่วงเวลาอื่นๆ

จากวิธีคิดการพิมพ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้เหมาะกับสินค้าที่ขาย ทำให้การสื่อสารถูกพัฒนาทันที ผู้คนในยุคนั้นมีความเชื่อ “go west and grow up with the country” ที่สนับสนุนให้คนอเมริกันเริ่มขยายอิทธิพลสู่ฝั่งตะวันตก การมีเมล็ดพันธ์ที่เพราะปลูกได้ พกพาง่าย จึงกลายเป็นผลัตภัณฑ์พื้นฐานที่ทำให้ mission นี้ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น คนสามารถซื้อเมล็ดที่พกง่ายติดตัวไปแล้วไปปลูกมีอาหารกินในพื้นที่ใหม่และไม่อดตาย

Shaker กับการประดิษฐ์ของที่เอาไว้สร้างของอีกที

Shaker เป็นชุมชนที่ใหญ่มากอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง และด้วยรูปแบบการอยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน ทำให้งานที่ shaker สร้างต้องสามารถเลี้ยงดูคนทั้งชุมชนได้ นอกจากนี้พวกเขายังสนใจในเรื่องการจดสิทธิบัตรให้กับผลงานของตนเองเพื่อแบ่งปันนวัตกรรมหลายอย่างที่สร้างขึ้นและส่งผลต่อการออกแบบในปัจจุบันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครื่องซักผ้าขับเคลื่อนด้วยพลังงานไอน้ำ ที่สามารถซักผ้าให้คนทั่งชุมชนได้รวดเร็วมากขึ้น หรือการออกแบบ joint ที่รองรับพฤติกรรมของการนั่งเก้าอี้ ที่มักจะเอนไปข้างหลังและทำให้พื้นเสียหายจากแรงกดได้ จึงมีการออกแบบเก้าอี้ด้วยการใส่ลูกล้อและข้อต่อไว้ด้านหลังของขาเก้าอี้ เพื่อลดรอบขีดข่วนของเก้าอี้กับพื้น

หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ของ Shaker ที่ทำให้ shaker ถูกนำมาเล่าในวิชาประวัตศาสตร์การออกแบบ คือ "เลื่อยวงเดือน"

Tabitha Babbitt ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้ประดิษฐิ์เลื่อยวงเดือนคนแรก จากการสังเกตเห็นชาย 2 คน กำลังเลื่อยไม้ ซึ่งการเลื่อยดังกล่าวสามารถตัดได้ในทิศทางเดียวเท่านั้น ทำให้การเลื่อยไม้เป็นงานที่เหนื่อย ใช้มนุษย์หลายคน และต้องใช้แรงมาก จึงคิดค้นวิธีการสร้างเลื่อยที่ลดเวลาและการใช้แรงงานด้วยการนำแผ่นดีบุกมาตัดเป็นรอยบากให้เป็นเหมือนเลื่อย และเชื่อมใบเลื่อยเข้ากับ เครื่องจักรไอน้ำ ที่เป็นสัญลักษณ์ของการปฏิวัตอุตสาหกรรม ถูกสร้างขึ้นใน shop ของ Shaker การใช้เทคโนโลยีมาทดแรงมนุษย์ ทำให้มนุษย์ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและใช้แรงน้อยลง ผลิตของได้แม่นยำในปริมาณที่เยอะขึ้น

แนวคิดดังกล่าวของเธอถูกนำมาใช้เพื่อทำงานขนาดใหญ่ภายในโรงเลื่อย เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และใช้แรงงานน้อย เลื่อยถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรไอน้ำ ซึ่ง Shaker เป็นหมู่บ้านที่ยังคงติดตามและพัฒนาตัวเองตาม เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป

แม้จุดเริ่มต้นของเลื่อนวงเดือนไม่ได้เกิดจาก Babbitt เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่การคิดค้นเลื่อยวงเดือนของเธอก็ส่งผลต่อการออกแบบและการพัฒนาเลื่อยวงเดือนมาจนถึงปัจจุบันนี้

อิทธิพลของ shaker กับงานออกแบบในปัจจุบัน

ปัจจุบันจำนวนสมาชิกภายในหมู่บ้าน Shaker แทบจะไม่เหลือแล้วจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้ความจำเป็นของการอยู่ร่วมกันเพื่อเอาตัวรอดลดลง ส่งผลให้วิถีชีวิตของ shaker หายไป แต่สิ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ก็คือ ปรัชญาด้านการออกแบบของ Shaker ที่ยังส่งอิทธิพลเกี่ยวเนื่องมาถึงงานออกแบบปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นในด้านเฟอร์นิเจอร์หรือสถาปัตยกรรม ด้วยดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่าย และเน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก และด้วยผลงานที่โดดเด่นของชุมชนนี้ ส่งผลให้มีการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชุมชน shaker มาสร้างเป็นผลงานมากมาย

ขอบคุณที่ติดตาม

เลื่อนดูผลงานออกแบบจาก design studio ในยุคปัจจุบันที่ เอา furniture ของ Shaker ออกมาพัฒนาและสร้างใหม่ สวยจนแทบจะต้องหาเรื่องสร้างบ้านใหม่เลยทีเดียว

ขอบคุณที่มาจาก :

https://www.dezeen.com/.../designers-reinterpret-shaker.../

https://www.yorksaw.com/history-circular-saw/

https://www.idesign.wiki/tag/sarah-tabitha-babbitt/

https://en.wikipedia.org/wiki/Shaker_Seed_Company

https://www.youtube.com/watch?v=a9VHlAfOIsA&t=1127s

https://www.gessato.com/furnishing-utopia/


ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ :

https://www.facebook.com/classasolution/

https://www.blockdit.com/pages/611d1d3bbf6a97310ee7d712