wix vs wordpress ต่างกันยังไง?

ความแตกต่างของ wix และ wordpress

พัฒนาสินค้าจนสำเร็จ ต้องเริ่มทำเว็บ จะใช้ wix หรือ wordpress ดีเดี๋ยวเราจะช่วยแจกแจงให้ฟัง


เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้แล้วกับความจำเป็นของหน้าเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ หรือบริการของเรา การทำ marketing บน social media เพียงอย่างเดียว อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป

ในปัจจุบัน เรามี technology ที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ยอดนิยม อย่าง wix และ wordpress เรามาดูกันว่าข้อดีข้อเสียของสอง platform นี้เป็นเช่นไร และคุณควรเลือกอันไหนดี

wix กับ wordpress ต่างกันยังไง?


Wix เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำหรับการสร้างเว็บไซต์จากประเทศอิสราเอลที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยจำนวนเว็บไซต์มากกว่า “180 ล้านเว็บไซต์” และมีจำนวนผู้ใช้งานแบบ premium (จ่ายเงิน) มากถึง 5.5 ล้านราย จุดเด่นคือเรื่องของการจัดการเว็บไซต์ที่ ”ง่ายมาก” แบบไม่ต้องมีความรู้ด้านการสร้างเว็บไซต์ก็ทำเว็บเสร็จได้ภายในวันเดียว ทุกขั้นตอนจะสามารถทำได้ภายในระบบของ wix ตั้งแต่
- หาชื่อ และจด domain
- เป็น hosting ให้กับเว็บของเรา
- สร้างเว็บ ด้วย template สำเร็จรูป ที่มีให้เลือกมากกว่า “ 500 แบบ ” ทั้งร้านค้าออนไลน์, blog
- สามารถเริ่มต้นและแก้ไขได้ทันทีเพียงลากและวาง เหมาะสำหรับคนที่ไม่รู้การใช้โค้ด

Wordpress เป็นระบบการจัดการ open-source content management system (CMS) คือระบบที่อนุญาติให้นักพัฒนาคนอื่นๆมาร่วมกันพัฒนา ไม่ได้ผู้กขาดอยู่เพียงบริษัทเดียว Wordpress เริ่มต้นจากการเป็นระบบเขียน Blog แต่ถูกพัฒนามาจนกลายเป็น ระบบสร้าง เว๊บไซต์ได้ในปัจจุบัน โดยผู้ใช้งานมากถึง “64 ล้านเว็บไซต์” จุดเด่นของ wordpress คงหนีไม่พ้น “การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ได้หลากหลายและยืดหยุ่นมากๆ”
- มี template ที่มีให้เลือก มากกว่า 3000 แบบ
- มี plugin มากกว่า 50,000 รายการ ที่สามารถเพิ่ม Features พิเศษให้กับ website ของเรา
- หากบริการหรือสินค้าของคุณต้องการเพิ่มประสบการณ์ที่แตกต่าง wordpress คือตัวเลือกที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ตามการใช้งาน wordpress ต้องอาศัยความรู้การเขียน Code มาช่วยในการทำเว็บไซต์ เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ สำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆที่ไม่มีความรู้ทางด้าน Coding ควรจ้างผู้เชี่ยวชาญหรืออาจะใช้เวลาเรียนรู้สักพักเพื่อทำความเข้าใจระบบ

ยกตัวอย่าง หากจะเริ่มต้น สร้างเวบไซต์บน wordpress เราต้องไปเช่า Domain และ หา Hosting ที่อื่นด้วยตัวเองจ จากนั้นจึงติดตั้ง wordpress แล้วค่อยเลือก theme และ plugin ที่เหมาะสมกับหน้าเว็บของเรา ซึ่งทาง wordpress พยายามแก้ไขวิธีการจัดให้ง่ายขึ้นแต่ยังห่างไกลกับ wix ในเรื่องความง่ายมากนัก

ตัวอย่างบริษัททีใช้ Wix (มักจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก)
https://maapilim.com/
https://www.sonjavanduelmen.com/
https://www.pokebowlz.com/
https://sevengramscaffe.com/

ตัวอย่าง web ที่ใช้ Wordpress
(มักจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่)
https://www.mercedes-benz.com/en/
https://thewaltdisneycompany.com/
https://www.trefectamobility.com/
http://www.bata.com/

SEO แบบไหนดีกว่ากัน?


การทำ SEO คือวิธีทำให้เว็บไซต์ของเราจะติดอันดับในการค้นหาบนระบบ search engine และผู้คนส่วนใหญ่มักจะเลือกคลิกเว็บไซต์ที่ติดหน้าแรกของ google มากกว่า

Ahrefs หนึ่งในเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ SEO ได้ศึกษาเว็บไซต์จำนวน 6.4 ล้านเว็บไซต์ พบว่า 46% ของ WordPress ได้รับการเข้าชมแบบออร์แกนิก ในขณะที่ไซต์ Wix มีเพียง 1.4% เท่านั้น

สำหรับ wix จะมีการเข้าถึง SEO ขั้นพื้นฐาน เช่น การแท็กความหมาย,คำอธิบายรูปภาพ,การตั้งค่า URL ของตนเอง ซึ่ง wix ได้เพิ่มคู่มือ SEO ที่ให้คำแนะนำในการทำ SEO โดยไม่จำเป็นต้องโหลด plugin เหมือน wordpress และมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเพียง $12.50/เดือน ซึ่งก็รวมไปถึงการเข้า feature อื่นๆของ Wix ด้วย เช่น การจ่ายเงินบนหน้าเวบ สิ่งที่ได้คือเราจะสามารถเข้าถึง site booster หรือ google analytics เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนมองเห็น เว็บของเรา ได้มากขึ้นอีกด้วยแต่ก็จะถูกจำกัดพื้นที่ใช้งานเพียง 20GB


ในด้านของ wordpress จะมี plugin สำหรับทำ SEO โดยตรง เช่น Yoast SEO ที่ช่วยในเรื่องของการวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ รวมไปถึงการตั้งค่าสำหรับ social, title, description และอื่นๆ ซึ่งผู้ใช้ wordpress หลายๆคนบอกว่า Yoast เป็นตัวเลือกที่ดีมากในการจัดการ SEO เนื่องจากสามารถวิเคราะห์ keyword ที่จะช่วยให้เว็บเราหาเจอง่ายขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Wordpress เป็นตัวเลือกที่ดีหากต้องการวางแผน SEO ในระยะยาว โดยที่เราสามารถเข้าถึงคู่มือ SEO และการสร้างแบรนด์ได้อย่างสมบูรณ์ในราคาเพียง $25/เดือน

สุดท้ายแล้ว ความยืดหยุ่นของ WordPress มีแนวโน้มที่จะเอาชนะได้ง่ายในด้านของ SEO แต่สำหรับธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากที่ต้องการเพียงฟังก์ชัน SEO พื้นฐาน wix ก็เป็นตัวเลือกที่ดีรูปแบบหนึ่งในการทำเว็บไซต์

จะทำเว็บไซต์ eCommerce แบบไหนดีกว่ากัน?


Wix ถือว่าเป็นตัวเลือกสำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากระบบ eCommerce ของ wix ได้รับการออกแบบไว้สำหรับการขายออนไลน์แล้ว ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้าร้านได้เลยทันที มีระบบ payment หรือ ระบบจำหน่ายสินค้าออนไลน์ได้ผ่านช่องทางโซเชียลอื่นๆได้ในราคาเพียง $17/เดือน ซึ่งมีจำกัดเพียง VDO content ซึ่งลงได้ไม่เกิน 5 ชั่วโมง

แล้วถ้าอยากขยายตลาดให้กว้างกว่านี้ล่ะ wix ทำได้ไหม?

Wix สามารถขยายตลาดให้กว้างได้มากขึ้นในราคาเพียง $25/เดือน ทำให้คุณเข้าถึงการจำหน่ายสินค้าบน marketplaces หรือการเข้าถึงฟีเจอร์รีวิวสินค้าที่เรียกว่า Kudo Buzz ที่ช่วยในการรวบรวมการรีวิวสินค้าจากลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ และทำให้การรีวิวสินค้าที่เผยแพร่ทั้งหมดสามารถจัดอันดับได้ง่าย ช่วยในการต่อยอด SEO ของคุณได้อีกด้วย แต่ด้วยฟังก์ชั่นที่ไม่ซับซ้อนมากทำให้ wix ไม่สามารถพัฒนาต่อยอดได้เท่า wordpress ที่มีความหลากหลายมากกว่า

Wordpress นั้นจำเป็นต้องติดตั้ง plugin เสริมคือ wooCommerce ซึ่งมีจำนวนคนใช้มากกว่า 5 ล้านคน และยังสามารถติดตั้ง plugin เสริมเพื่อเพิ่มความสามารถของร้านค้าหรือจะเชื่อมต่อ Api ภายนอกได้อย่างอิสระ เช่น เชื่อมต่อกับระบบ stock,ระบบ payment ได้อีกด้วย
ในการทำ eCommerce ด้าน wordpress ยังมีลูกเล่นมากกว่าไม่ว่าจะเป็น plugin ในเรื่องของการขนส่ง เช่น คิดตามน้ำหนัก,คิดตามระยะทาง หรือเลือกวัน/เวลาในการจัดส่งได้ ต่างจาก wix ที่ยังไม่มีลูกเล่นเหมือน wordpress และยังมีในด้านการทำโปรโมชั่นหรือส่วนลดต่างๆที่ wordpress มีความยืดหยุ่นมากกว่า เช่น
ฟังก์ชั่นการประมูลสินค้า และการแลกคะแนนสะสม ในการซื้อครั้งต่อไป

ตัวอย่างร้านค้าที่ใช้ Wordpress
https://www.yubico.com/
https://www.reddbar.com/
https://thegoodbatch.com/
https://www.printingnewyork.com/

ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ของ wix และ wordpress ต่างกันยังไง?


ในการใช้งานเบื้องต้นสำหรับ wix ถ้าหากใช้แพคเกจฟรีจะพบโฆษณาที่หน้าเว็บไซต์ ซึ่งคนมาเยี่ยม เว็บไซต์ของเราอาจจะเผลอเข้าใจผิด คลิ๊กแล้วออกจากเว็บของเราไปได้ง่าย และพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลที่น้อย (500MB หรือคิดเป็นประมาณ 200 รูปที่ถ่ายจาก iphone11) แต่ถ้าหากต้องการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลและฟีเจอร์ที่มากขึ้นจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ $13/เดือน สำหรับใช้งานส่วนตัวและสำหรับผู้ประกอบการที่สามารถเข้าถึง site booster และ visitor analytics ได้ที่ $17/เดือน
จะเห็นได้ว่าแพคเกจของ wix จะได้รับคุณสมบัติทั้งหมดและถ้าเราต้องการจดโดเมนร่วมกับ wix แพคเกจดังกล่าวได้มีการรวมค่าโดเมนเอาไว้แล้ว และคุณสามารถจดโดเมนเองได้ในราคาขั้นต่ำเพียง 159 บาท (ราคาสำหรับการจดกับ Godaddy) คุณก็สามารถเชื่อมต่อโดเมนของคุณกับ wix ได้เหมือนกัน


ในส่วนของ wordpress ต้องมีการจ่ายค่าบริการสำหรับเช่าโดเมนอยู่ที่ประมาณ 400-1,000 บาท/ปี ราคาจะต่างกันตามนามสกุลที่เราเลือกใช้ เช่น .com, .net, .in.th จะราคาประมาณ 400-500 บาท .co.th จะราคาประมาณ 1,000 บาท ค่าเช่า hosting ในราคา 1,500-3,000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการใช้ธีมพรีเมียมหรือฟรีและต้องการทำงานร่วมกับนักพัฒนาหรือไม่
สรุปคือWordPress ทำให้เราเป็นเจ้าของเว็บไซต์ได้ 100% เนื่องจากเราต้องจด Domain และ เช่า Hosting ด้วยตัวเอง ควบคุมเองได้ทั้งหมด และยังสามารถปรับแต่งได้ 100% ในขณะที่ Wix เราจะไม่เป็นเจ้าของข้อมูล 100% เหมือน WordPress พื้นที่ Hosting จะเป็นของระบบ Wix ( Domain เราสามารถจดชื่อตามต้องการได้ ) เมื่อไหร่ที่เราไม่ได้ต่ออายุค่าแพคเกจ ข้อมูลจะสูญหายทั้งหมดทันที

สิ่งที่จะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายที่สุดขึ้นอยู่กับว่าสิ่งไหนสำคัญ หากต้องการเว็บไซต์ที่จัดการง่ายโดยสามารถทำเองได้และไม่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบเว็บไซต์มากนัก wix ดูจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
แต่ถ้าหากต้องการเว็บไซต์ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบตามที่ต้องการ wordpress ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการสร้างเว็บไซต์ สุดท้ายแล้วการเข้าถึงของเว็บไซต์ เกิดจากการเขียน content รูปภาพที่เราใส่ หรือการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ โดยเฉพาะ original content หรือ การเขียนเนื้อหา, รูปภาพ และ VDO ที่เราเป็นผุ้สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ได้ไป copy มาจากที่อื่น

https://www.wix.com/upgrade/website
https://wordpress.com/pricing/


ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ :

https://www.facebook.com/classasolution/

https://www.blockdit.com/pages/611d1d3bbf6a97310ee7d712

Previous
Previous

รู้หรือไม่? หน้ากาก N95 เกิดจากชุดชั้นใน